วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระเกจิอาจารย์เมืองเลย


หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระเกจิอาจารย์เมืองเลย

นามเดิม บ่อ แก้วสุวรรณ เหตุที่ท่านได้ชื่อว่าชอบก็เนื่องมาจากเมื่อยังเยาว์วัย ได้มีพระธุดงค์ชื่อพระอาจารย์พา มาปักกลดใกล้บ้านท่าน มารดาและญาติผู้ใหญ่ของท่าน รวมทั้งคนในหมู่บ้านได้พากันปรนนิบัติอุปัฏฐาก ถวายภัตตาหารอยู่มิได้ขาด ตัวท่านเองขณะนั้นอายุได้ ๑๔ ปี ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติรับใช้พระ ประเคนสิ่งของ ล้างบาตรให้พระอาจารย์ทุกวัน ประกอบกับอุปนิสัยอันสงบเสงี่ยมฝักใฝ่ทางธรรมของท่าน ทำให้พระอาจารย์พาซึ่งเป็นศิษย์รูปหนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ออกปากชวนไปบวชด้วย ซึ่งท่านได้ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ชอบครับ” เมื่อพระอาจารย์พาท่านถามย้ำ หลวงปู่ก็จะตอบว่า “ชอบครับ” และเมื่อท่านได้ไปขอมารดาเพื่อบวชนั้นมารดาของท่านค่อนข้างประหลาดใจ และตกใจระคนไป แต่เมื่อถามย้ำรวมถึงญาติผู้ใหญ่ที่ทราบเรื่อง และได้มาซักไซ้ไล่เรียงท่านก็จะตอบว่า “ชอบครับ” จึงเป็นที่มาของ “เด็กชายชอบ” ด้วยประการฉะนี้


เกิด วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยโยมบิดา มอ แก้วสุวรรณโยมมารดา พิลา แก้วสุวรรณ


บรรพชา เมื่ออายุ ๑๙ ปี ณ วัดบ้านนาแก ตำบลบ้านนากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู


อุปสมบท หลังจากใช้ชีวิตเป็นสามเณรอยู่ถึง ๔ ปีกว่า ท่านก็ได้อุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ (อายุ ๒๓ ปี) ณ วัดสร่างโศก (ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม) อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานสโม” ในพรรษาที่ ๓ ของการอุปสมบท พ.ศ. ๒๔๗๐ ท่านได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบาน ณ ที่นี้เองนอกจากจะเป็นที่ภาวนาดีแล้ว หลวงปู่ยังได้มีโอกาสพบเพื่อนภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งในชีวิตสมณเพศอันยาวนานในภายหลังต่อมาเกือบ ๖๐ พรรษากาลนั้น ได้เป็นกัลยาณมิตรต่อกันตลอดมาภิกษุรูปนั้นแม้จะมีอายุมากกว่าท่านกว่าสิบปี แต่เมื่อมีพรรษาอ่อนกว่าท่านเล็กน้อย ก็มิได้ถือตัวประการใด คงใกล้ชิดสนิทสนม ร่วมปฏิบัติธรรม สนทนาธรรม แลกเปลี่ยนธรรมสากัจฉาต่อกันเป็นอย่างดี ภิกษุท่านนั้น คือท่านที่เรารู้จัก เราเคารพบูชากันในภายหลัง ในนามว่า “หลวงปู่ขาว อนาลโย” แห่งวัดถ้ำกลองเพลนั่นเอง ท่านทั้งสองได้จำพรรษาอยู่ร่วมกันเป็นเวลา ๓ พรรษา ในระหว่างนี้โยมมารดาของท่านได้มาถวานจังหัน รวมถึงฟังเทศน์ที่วัด บางครั้งหลวงปู่ท่านก็ได้ไปเทศน์โปรดที่บ้าน ทำให้โยมมารดาของท่านได้มาถือศีล ๘ ที่วัด และต่อมาก็ปลงใจโกนหัวบวชชีด้วยเห็นผลในการภาวนา และเมื่อท่านได้สงเคราะห์ญาติพอสมควรแล้ว อีกทั้งโยมมารดาของท่านก็สามารถเป็นที่พึ่งของตัวเองได้ ท่านจึงไปสถานที่ใหม่เพราะไม่ต้องการ “ติดถิ่นอยู่ที่” โดยท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าหนองวัวซอ ณ ที่นี้ ท่านได้พบกับหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ซึ่งเป็นชาวเลยด้วยกัน ท่านได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ณ เสนาสนะป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
ในหน้าแล้งก่อนที่จะเข้าพรรษาที่ ๕ ของท่านท่านเล่าว่า พอท่านกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ขณะวางอัฐบริขารลงก็โดนท่านดุให้ออกจากสำนัก ท่านเองก็ตกใจ ได้แต่เก็บอัฐบริขารแล้วออกเดินทาง กะว่าจะไปค้างอยู่ที่สำนักหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ฉันเช้าเสร็จค่อยออกเดินทางต่อไป รุ่งเช้าเมื่อท่านฉันจังหันเสร็จแล้ว ก็พอดีมีพระเณร ๒ รูป เข้ามากราบเรียนท่านว่า ท่านพระอาจารย์มั่นให้มาตามกลับไป เมื่อท่านกลับไปกราบท่านพระอาจารย์มั่นในครั้งนี้ ท่านทักทายด้วยเมตตายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับบอกให้พระเณรจัดกุฎีที่พักให้ ภายหลังท่านได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาในเขตภาคเหนือหลายพื้นที่รวมถึงประเทศพม่า ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ หลวงปู่ขาวชวนท่านกลับอีสาน ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่ป่าช้าวังหินโง้น ซึ่งปัจจุบันคือวัดป่าโคกมน ปีพ.ศ. ๒๕๐๑ ผู้ใหญ่ถัน วงษา ได้ถวายที่ดินให้หลวงปู่เพื่อสร้างวัด โดยมีชาวบ้านร่วมสมทบอีกจนเป็นที่ดินกว่าร้อยไร่ ซึ่งปัจจุบันคือ วัดป่าสัมมานุสรณ์


มรณภาพ วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ สิริรวมอายุได้ ๙๓ ปี ๑๑ เดือน ๒๗ วัน